เกียรติยศ “ซีอิ๊วถั่วเหลืองที่ยอดเยี่ยมที่สุด”

เหตุการณ์ที่ได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์ “ไฟแห่งอินามูระ” (The fire of Inamura)

กิเฮย์ ฮามากุชิ รุ่นที่ 7: นักธุรกิจและนักการเมือง

กิเฮย์ ฮามากุชิ รุ่นที่ 7: นักธุรกิจและนักการเมือง

กิเฮย์ ฮามากุชิ รุ่นที่ 7: นักธุรกิจและนักการเมือง

หลังจากยุคของ กิเฮย์ ฮามากุจิ รุ่นบุกเบิกตามมาด้วย เคียวเรียว (Kyoryo) ทายาท รุ่นที่ 2, โนริฮิโระ (Norihiro) ทายาทรุ่นที่ 3, ยาสึโรกุ (Yasuroku) ทายาทรุ่นที่ 4, คันโป (Kanpo) ทายาทรุ่นที่ 5, ยาสึฮิระ (Yasuhira) ทายาทรุ่นที่ 6 และต่อด้วยโกเรียว (Goryo) หลานชายของคันโป (Kanpo) ทายาทรุ่นที่ 5 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น กิเฮย์ ฮามากุชิ รุ่นที่ 7 ในปี พ.ศ.2396 เป็นเวลาเกือบสองศตวรรษนับจากก่อตั้งบริษัท โกเรียวเกิดเมื่อปี พ.ศ.2363 และได้รับมรดกของตระกูลในปีค.ศ. 1853 ได้ทำการปกป้องธุรกิจของครอบครัวท่ามกลางความวุ่นวายระหว่างปลายรัชสมัยการปกครองของโชกุนโทคุกาวะ (Tokugawa Shogunate) นอกจากเขาจะทำกิจกรรมในฐานะที่เป็นนักธุรกิจที่มีความสามารถและเป็นผู้นำของซีอิ๊วถั่วเหลืองยามาซ่ารุ่นที่ 7แล้ว เขายังได้ทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับกิจกรรมการกุศลเพื่อช่วยเหลือสังคมโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนและกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งมีส่วนในการพัฒนาญี่ปุ่นสมัยใหม่เป็นอย่างมาก

วีรบุรุษแห่งเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ “ ไฟแห่งอินามุระ” (The Fire of Inamura)

วีรบุรุษแห่งเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ “ ไฟแห่งอินามุระ” (The Fire of Inamura)

ในช่วงที่มีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่นันไก (Nankai) ถึงสองครั้งติดต่อกันเมื่อวันที่ 4 และ 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2397 โกเรียวเดินทางกลับไปยังฮิโระมุระ เมืองคิชู (ปัจจุบันคือ ฮิรากาวะโช – Hirakawa-cho) และพยากรณ์ว่าจะเกิดสึนามิครั้งใหญ่ขึ้นจากการสังเกตน้ำทะเลที่ลดลงไปอย่างมากจนผิดปกติรวมถึงการลดระดับอย่างรวดเร็วของบ่อน้ำ ร่วมกับการสังเกตจากปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งมีการบันทึกไว้ว่า โกเรียวได้อพยพชาวบ้าน โดยการจุดไฟเผากองฟ่อนข้าว (Inamura) ซึ่งตั้งอยู่บนที่นาของเขาเองเพื่อเตือนให้ชาวบ้านรู้ว่ามีเหตุฉุกเฉิน การกระทำที่เสียสละและเห็นแก่ส่วนรวมโดยไม่ห่วงทรัพย์สินหรือความปลอดภัยของตนเองนี้ ทำให้ลาฟคาดิโอ เฮิร์น (Lafcadio Hearn) ผู้เป็นที่รู้จักในนาม โคอิซึมิ ยาคุโมะ (Koizumi Yakumo) นักประพันธ์เลื่องชื่อของสมัยเมจิ ได้กล่าวถึงโกเรียวว่าเป็นเทพเจ้าที่ยังมีชีวิต ในหนังสือรวมเรื่องสั้นของเขาคือ “Gleaning in Buddha Fields” ภายหลังจากนั้น เรื่องราวของเหตุการณ์ “ไฟแห่งอินามุระ” ซึ่งครูประถมชาวญี่ปุ่นชื่อ ทสึเนโซ นาคาอิ (Tsunezo Nakai) เขียนดัดแปลงจากหนังสือของ Hearn ก็ได้บรรจุลงเป็นหนังสือเรียนในชั้นเรียนภาษาญี่ปุ่นของเด็กประถมอีกด้วย

(คลิกเพื่ออ่านข้อมูลโดยละเอียดของ “ไฟแห่งอินามุระ”)

การก่อสร้างกำแพงกันคลื่นเพื่อป้องกันสึนามิ

การก่อสร้างกำแพงกันคลื่นเพื่อป้องกันสึนามิ

กำแพงกันคลื่นที่ยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน

การก่อสร้างกำแพงกันคลื่นเพื่อป้องกันสึนามิ

โกเรียวไม่ได้หยุดอยู่แค่การช่วยชีวิตชาวบ้านเท่านั้น เขายังช่วยป้องกันการละทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือนของชาวบ้านด้วยการสร้างบ้านพัก เก็บรวบรวมเครื่องมือทางการเกษตรและอุปกรณ์ประมง และรวมทั้งกิจกรรมอีกมากมายเพื่อช่วยเหลือชาวหมู่บ้าน ฮิโรมุระที่สิ้นเนื้อประดาตัวจากสึนามิ อีกทั้งยังสร้างกำแพงกันคลื่นเพื่อป้องกันสึนามิที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งเป็นโครงการใหญ่และใช้เวลาก่อสร้างถึง 4 ปี จากปี พ.ศ.2398 เสียค่าใช้จ่ายไปประมาณ 94 เหรียญเงิน (kan) นับเป็นน้ำหนักเงินประมาณ 3.4 กิโลกรัม) กำแพงกันคลื่นนี้ ยาว 600 เมตร สูง 5 เมตร ใช้ต้นสนเป็นแนวรับคลื่นด้านทะเลและใช้ต้นฮิโนกิปลูกตกแต่งทางฝั่งแผ่นดินเพื่อความสวยงามทางทัศนียภาพซึ่งยังคงอยู่จวบจนถึงปัจจุบัน ซึ่งแนวกำแพงกันคลื่นนี้ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกด้วย

การมีส่วนริเริ่มสถาบันอบรมและพัฒนาบุคคลากร

การมีส่วนริเริ่มสถาบันอบรมและพัฒนาบุคคลากร

โกเรียว มีความสนิทสนมกับ กอนไซ มิยาเกะ (Gonsai Miyake) หมอแผนตะวันตก ซึ่งเปิดทำการรักษาที่โชชิ ในช่วงปลายของการปกครองของโชกุนโทคุกาวา และตัวเขาเองก็มีความสนใจในแผนการรักษาแบบตะวันตกเช่นกัน จึงได้ร่วมกันเปิด Keikojo หรือห้องฝึกฝนขึ้นมาในปี พ.ศ.2395 เคอิโคโจหรือห้องฝึกฝนนี้ใช้สำหรับฝึกอบรมเยาวชนให้รู้จักกับความศิวิไลซ์ของโลกตะวันตก และภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น สถาบันไทคิว จำกัด (Taikyu Co., Taikyu Academy) และโรงเรียนมัธยมต้นไทคิว (Taikyu Junior High School) และปัจจุบันได้กลายมาเป็นโรงเรียนมัธยมปลายไทคิว (Taikyu High School) อันมีประวัติต่อเนื่องยาวนานอยู่ในจังหวัดวาคายามะ
ในตอนนั้น เมื่อสถาบันวัคซีนในเอโดะ (Otamagaike) ถูกไฟไหม้ โกเรียวได้บริจาคเงินเป็นจำนวน 300 เรียว (Ryo : เป็นสกุลเงินในสมัยนั้น) เพื่อที่จะสร้างสถาบันดังกล่าวขึ้นมาใหม่ จากบันทึกของโกเรียว ฮามากุจิเขายังได้บริจาคเพิ่มอีก 400 เรียวเพื่อทำการซื้อหนังสือและอุปกรณ์ สถาบันวัคซีนจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นสถาบันแห่งแพทย์แผนตะวันตกในเวลาต่อมา และกลายเป็นสถาบันที่มุ่งเน้นด้านการค้นคว้ารักษาด้วยแพทย์แผนตะวันตกเพียงอย่างเดียวในสมัยเอโดะ (ซึ่งคาดว่าสถาบันแห่งนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในรากฐานของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียวในปัจจุบันอีกด้วย)
โกเรียวเป็นแบบอย่างของผู้ที่ทุ่มเทอย่างสุดตัวในการสนับสนุนสังคมและความก้าวหน้าทางด้านการศึกษาอบรมของบุคลากร

จากการสิ้นสุดของยุคโชกุนโทคุกาวาสู่ยุคเมจิ ตำนานแห่งญี่ปุ่นสมัยใหม่

โกเรียวผู้ซึ่งเกิดในปลายยุคโชกุนโทคุกาวาผู้ทุ่มเทเพื่อความก้าวหน้าของญี่ปุ่น ถูกเชื้อเชิญให้เข้าสู่แวดวงทางการเมือง จากคุณสมบัติในการเฉลียวฉลาดอย่างยิ่งและความใจกว้างอย่างประมาณไม่ได้ของเขา รวมไปถึงการทำงานในฐานะนักธุรกิจ หรือการดำรงตำแหน่งกิเฮย์ ฮามากุจิ รุ่นที่ 7 นั่นเอง หลังจากได้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ของเขตวากายามะ (Wakayama) และเป็นประธานคนแรกของสภาเมืองวากายามะ เขาก็ถูกรับเชิญให้ไปทำงานกับรัฐบาลกลาง ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคมนาคมและการไปรษณีย์ และมีผลงานทางด้านการพัฒนาคิดค้นระบบไปรษณีย์สมัยใหม่ นอกจากนั้น โกเรียวยังมีสายสัมพันธ์อย่างกว้างขวางกับผู้ทรงคุณวุฒิอย่างหลากหลาย เช่น ซาคุมะ โชซัง (Sakuma Shozan), คิคุฉิ ไคโซ (Kikuchi Kaiso), ฟุคุดะ เฮอิชิโระ (Fukuda Heishiro),คัทสึ ไคชู (Katsu Kaishu), และ ฟุคุซาวา ยูคิชิ (Fukuzawa Yukichi) ซึ่งหลังจากการเสียชีวิตของโกเรียว คัทสึ ไคชู ก็ได้อุทิศคำจารึกไว้ที่อนุเสาวรีย์ของเขาด้วย

ซีอิ๊วถั่วเหลืองยามาซ่า ผู้ที่ได้รับเกียรติเป็น “ซีอิ๊วถั่วเหลืองยอดเยี่ยม”

ในยุคการปกครองของโกเรียว ซีอิ๊วถั่วเหลืองยามาซ่าได้รับการยกย่องจากรัฐบาลของโชกุน จากการผลิตซีอิ๊วถั่วเหลืองที่มีคุณภาพเยี่ยมยอดและได้รับรางวัล “ซีอิ๊วถั่วเหลืองยอดเยี่ยม” ในปี พ.ศ.2407 และเมื่อญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคแห่งอาหารตะวันตก กิเฮย์ ฮามากุจิ รุ่นที่ 8 (โกโช : Gosho) ก็ได้สร้างสรรค์ซอสที่ผลิตในประเทศเป็นอันดับ 1 ซอสมิคาโดะ (Mikado Sauce) ซึ่งก็เป็นผลสำเร็จที่เขาได้รับมาจากการมองการณ์ไกลของโกเรียว ที่เฝ้ามองและศึกษาโลกตะวันตกนั่นเอง

ยุคแห่งกิเฮย์ ฮามากุชิ รุ่นที่ 7

ยุคแห่งกิเฮย์ ฮามากุชิ รุ่นที่ 7

โกเรียวมีบทบาทในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งยวดจากยุคโชกุนสู่ยุคเมจิ เมื่อผู้บังคับการเรือ เพอร์รี่ (Commodore Perry) เดินทางมาถึงอุรากะโดยทางเรือและบังคับให้โชกุนเปิดท่าเรือเพื่อทำการค้าขายกับต่างชาติ ผู้บังคับการประกาศว่า “ดูสถานการณ์ของโลกสิว่าไปถึงไหนแล้ว ที่ไหน ๆ เขาก็เปิดประตูและไม่มีประเทศใดที่จะไม่ติดต่อกับภายนอกเลย” มีการบันทึกไว้ว่าในวันต่อมา โกเรียวได้ไปพบกับที่ปรึกษาอาวุโส โอกาซาวาระ อิคิโนคามิ (Ogasawara Ikinokami) ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ฟังคำกล่าวของผู้การเพอร์รี่ เขายังเป็นผู้ที่มีความรู้อย่างมากมายกว้างขวาง จนได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้เปรียบเสมือนปราชญ์จากจดหมายเขียนด้วยลายมือของฟุคุซาวะ ยูคิชิ (Fukuzawa Yukichi.CC)

  • จากคิชูสู่โชชิ
  • เหตุการณ์ที่ได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์ “ไฟแห่งอินามูระ”
  • ความสำเร็จอย่างงดงามของการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์กับอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม
  • การสนับสนุนโลกแห่งการแพทย์