● เมื่อปี พ.ศ.2188 (ปีที่สอง แห่งยุคโชโฮ –Shoho era-) ยามาซ่าได้ก่อตั้งขึ้น เมื่อโชกุนโทคุกาวะได้ขึ้นครองราชย์ และเป็นยุคสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดของเอโดะ โดยได้เริ่มต้นขึ้นที่เมือง โชชิ (Choshi) ในจังหวัดชิบะ โชชิเป็นเมืองที่มีอากาศเย็นในหน้าร้อนและมีอากาศที่อุ่นในหน้าหนาว และสภาพภูมิอากาศที่มีความแปรปรวนน้อยมาก และยังประกอบกับสภาพอากาศที่มีความชื้น ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะต่อการเจริญเติบโตของเชื้อราโคจิ (Koji Mold) อันเป็นส่วนประกอบสำคัญในกระบวนการผลิตซีอิ๊วถั่วเหลือง จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ซีอิ๊วถั่วเหลืองยามาซ่า จะเป็นที่นิยมอย่างมากในยุค เอโดะ ไปพร้อมๆกันกับการสรรค์สร้างเมนูอาหารญี่ปุ่นที่เป็นหัวใจสำคัญอย่างซูชิ เทมปุระ และ ปลาไหลย่าง คาบายากิ
● สิ่งหนึ่งที่ยามาซ่าได้รักษามาตลอดก็คือ เชื้อราที่ชื่อ ยามาซ่า Aspergillus ซึ่งก็คือเชื้อราโคจิอันเป็นเอกลักษณ์ของยามาซ่าที่ได้รับสืบทอดมาตั้งแต่ยุคเอโดะนั่นเอง และได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องหลายปีจวบจนปัจจุบัน เหตุผลที่ซีอิ๊วถั่วเหลืองยามาซ่าได้รับการยอมรับและใช้ในร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นนำ นั่นก็เพราะยามาซ่า Aspergillus สามารถผลิตซีอิ๊วถั่วเหลืองที่มี สี กลิ่น และรสชาติที่ไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้นั่นเอง
● รู้หรือไม่ว่า ความหมายของตัวอักษร“上” ที่ปรากฏอยู่บนโลโก้ของเราคืออะไร? อักษรนี้เป็นสิ่งที่แสดงถึงระดับคุณภาพของซีอิ๊วถั่วเหลืองคุณภาพยอดเยี่ยมที่สุด ซึ่งได้มอบให้แก่ยามาซ่าเมื่อซีอิ๊วถั่วเหลืองของเราได้รับการยอมรับคุณภาพที่ยอดเยี่ยมจากโชกุนโทคุกาวะ เมื่อใกล้สิ้นสุดยุคเอโดะ ตัวอักษร 上 ที่ยังคงอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้เป็นสิ่งที่ย้ำเตือนให้เราผลิตแต่สินค้าที่มีคุณภาพ
● ลำพังแต่ธรรมเนียมดั้งเดิมไม่สามารถทำให้เราก้าวไปข้างหน้าได้ ยามาซ่าได้ก่อตั้งสถาบันวิจัยซีอิ๊วถั่วเหลืองขึ้นมาโดยมีเป้าหมายให้มีการผสมผสานระหว่างแนวความคิดใหม่ ๆ และธรรมเนียมดั้งเดิม กระทั่งทุกวันนี้การหมักซีอิ๊วถั่วเหลืองก็สำเร็จได้จากประสบการณ์และสัญชาตญาณ แต่ด้วยการแก้ปัญหาด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์มากกว่าที่ทำให้เราประสบผลสำเร็จในการผลิตซีอิ๊วถั่วเหลืองที่มีคุณภาพดีกว่าเดิม
● ขณะที่มีจุดแข็งด้านความดั้งเดิม ยามาซ่าสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยตรงกับความต้องการของตลาด เช่น เราสามารถ ผลิตซีอิ๊วถั่วเหลืองที่รวมรสอุมามิของซีอิ๊วโคอิคุชิ (koikuchi soy sauce) และความหอมของซอสซาชิมิ (sashimi soy sauce) ได้อย่างลงตัว และเรายังนำเอาเมล็ดถั่วเหลืองออร์แกนิคมาปรับใช้เป็นเบสของซีอิ๊วถั่วเหลืองออร์แกนิค มารุไดสุ (Marudaizu) เป็นรายแรก แล้วยังแตกแขนงผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคออกไปอีก เช่นซีอิ๊วถั่วเหลือง ออร์แกนิคมารุไดสุ โซเดียมต่ำ ความตั้งใจอย่างแรงกล้าของเราก็คือการบรรลุจุดสูงสุดของมาตรฐานด้านความปลอดภัยและความสุดยอดทางด้านรสชาติ โดยเริ่มต้นตั้งแต่การสรรหาดินที่ใช้ปลูกถั่วเหลืองของเราเลยทีเดียว
● ยามาซ่าไม่ได้ทำเพียงแค่การแสวงหารสชาติและวัตถุดิบชั้นเลิศเท่านั้น ดังเคยมีความเชื่อที่ว่าน้ำซุป (dashi) ที่ทำซึยุ (ซอสสำหรับจุ่มเส้นบะหมี่ญี่ปุ่น – tsuyu) นั้นต้องเป็นน้ำซุปจากปลาโอแห้ง (bonito) เพียงอย่างเดียว น้ำซุปที่ทำมาจากสาหร่ายคอมบุ (kombu) นั้นเป็นเพียงตัวสำรอง อย่างไรก็ตาม ยามาซ่าได้เปลี่ยนความเชื่อนั้นไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยการนำสาหร่ายคอมบุ (kombu) มาเป็นวัตถุดิบหลักของคอมบุ ซึยุ (Kombu Tsuyu) ของเรา รสชาติอันละเอียดอ่อนเป็นเอกลักษณ์ของน้ำซุปที่ทำมาจากสาหร่ายคอมบุได้ช่วยสรรค์สร้างรสชาติใหม่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ความใส่ใจในวัตถุดิบและรสชาติของเรา ได้นำไปสู่การริเริ่มแนวความคิดใหม่ๆ รวมไปถึงการสร้างสรรค์รสชาติใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นคอมบุ ซึยุ (Kombu Tsuyu) แต่ยังมีซอสคอมบุ พอนซึ (Kombu Ponzu) อีกด้วย
● จากเมื่อตอนที่เราได้รับตำแหน่งซีอิ๊วถั่วเหลืองคุณภาพเยี่ยมจากโชกุนเมื่อปลายสมัยยุคเอโดะกระทั่งปัจจุบันนี้ เราไม่ได้หยุดยั้งในการรักษาคุณภาพที่ดีที่สุดนั้นไว้ ด้วยใบรับรองมาตรฐาน ISO 9001: 2000 ของเราที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากลด้านระบบการจัดการคุณภาพ เช่นเดียวกับระบบการติดตามของเรา เรารักษาคุณภาพความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การผลิตกระทั่งวางจำหน่ายในร้าน (*ระบบการติดตามอาหารทำให้ลูกค้าสามารถติดตามผลิตภัณฑ์ เช่นเดียวกับข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตสินค้านั้น ๆ ในแต่ละขั้นตอน ตั้งแต่การผลิต การแปรรูป และการจัดจำหน่าย และยังสามารถย้อนไปดูขั้นตอนการผลิตได้ทั้งหมด)
● ในยุค พ.ศ.2493 ทีมวิจัยของยามาซ่าได้ประสบผลสำเร็จในการพัฒนา 5’-กรดอิโนซินิค เพื่อการผลิตเชิงอุตสาหกรรม โดยการสกัดรสอุมามิจากคัตสึโอะบุชิ (ปลาโอหมักตากแห้ง) และ5’-กรดกัวนาลิค, สารประกอบอูมามิของเห็ดหอม (shitake mushroom) ด้วยการใช้จุดกำเนิดแห่งชีวิตคือ RNA (ribonucleic acid) สิ่งเหล่านี้ประสบผลสำเร็จโดยการปรับเอาความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับจุลินทรีย์เช่นเชื้อราโคจิ (Koji Mold)ที่ ใช้ในการหมักซีอิ๊วถั่วเหลืองนั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้นการนำเอารสชาติอุมามิเหล่านี้ไปผสมรวมกับผงชูรส (Monosodium Glutamate) ซึ่งสกัดได้จากสาหร่ายเคลป์ เราได้ค้นพบว่ามันสามารถเพิ่มรสชาติอุมามิได้มากขึ้น สิ่งที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับรสอุมามิเพิ่มขึ้นมาโดยผ่านประสบการณ์และ่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า ทำให้เราสามารถเข้าใจสิ่งนี้ได้มากขึ้นในเชิงวิทยาศาสตร์ และก็ได้กลายเป็นส่วนสนับสนุนที่สำคัญแก่โลกแห่งการทำอาหาร
● RNA and DNA เป็นที่รู้จักโดยรวมว่าเป็นกรดนิวเคลอิค (nucleic acids) ทำหน้าที่สำคัญในการสืบทอดพันธุกรรมและสังเคราะห์โปรตีน รวมไปถึงเป็นส่วนประกอบสำคัญของสิ่งมีชีวิต ยามาซ่าได้สร้างเทคนิคใหม่โดยใช้เอนไซม์กรรมสิทธิ์เฉพาะของเราเพื่อแยกส่วนกรดนิวเคลอิค (nucleic acids)เหล่านี้ เพื่อสร้างส่วนประกอบของรสอุมามิ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยเทคนิคใหม่นี้ เราประสบความสำเร็จในการผลิตส่วนประกอบของสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกรดนิวเคลอิคนี้ได้อีกหลายอย่าง ส่วนประกอบต่าง ๆ เหล่านี้ ได้ถูกนำมาใช้ในการพัฒนาส่วนประกอบของสารอาหารในผลิตภัณฑ์อาหารต่าง ๆ นำไปผลิตยารักษาโรคและยาสำหรับการวินิจฉัยโรค วันนี้ยามาซ่าได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้มีความสามารถในเทคโนโลยีด้านการผลิตและคุณภาพในวงการของกรดนิวเคลอิค (nucleic acids)เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
สิ่งท้าทายในการสร้างเทคนิคทางวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆ เช่นวิทยาการสร้างสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกรดนิวเคลอิคและเทคโนโลยีชีวภาพ ก็เป็นพันธะสัญญาของยามาซ่าอีกเช่นกัน
● ซีอิ๊วถั่วเหลือง – พื้นฐานของการปรุงอาหารญี่ปุ่นที่ได้วางรากฐานให้กับวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่น- ได้กลายมาเป็นสิ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายจากผู้คนทั่วโลก เป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมทางด้านอาหารสากลและ อาหารฟิวชั่น นับเป็นสิ่งที่ถือได้ว่าเป็นทูตมิตรภาพทางด้านรสชาติ ในปี พ.ศ.2537 ยามาซ่าได้สร้างโรงงานใน รัฐโอเรกอน ประเทศ สหรัฐอเมริกา จากโรงงานทั้งที่อเมริกาและญี่ปุ่นก็ได้ส่งออกซีอิ๊วถั่วเหลืองไปทั่วโลกและเป็นที่ ชื่นชอบของคนทั้งหลาย
● ความหลากหลายของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ จากซีอิ๊วถั่วเหลืองไปสู่ยา ผลของการค้นคว้าวิจัยทางด้านจุลินทรีย์มาอย่างยาวนานของยามาซ่า ซึ่งมีกรรมวิธีผลิตที่ใช้ประโยชน์จากเอนไซม์ที่พบในจุลินทรีย์เหล่านั้น หรือพูดอีกอย่างได้ว่า ใช้ประโยชน์จากพลังชีวิตของจุลินทรีย์เพื่อที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ เช่นอาหารและยา ยามาซ่าได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับอุตสาหกรรมแห่งชีวิตเองเลยทีเดียว เราต้องการที่จะให้บริการเกี่ยวกับสุขภาพของผู้คนและการได้อุทิศตัวต่อสังคมไปอย่างต่อเนื่อง ยามาซ่าหวังว่าเราจะได้นำความพึงพอใจ ใบหน้าที่มีความสุข เปี่ยมด้วยพลังแห่งชีวิตไปสู่มื้ออาหารให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ด้วยความปรารถนาและทุ่มเทอย่างยิ่งนี้เอง ยามาซ่าจะยังคงก้าวไปยังอนาคตข้างหน้าต่อไป